Munich (2005) มิวนิค ปฏิบัติการความพิโรธของพระเจ้า

Munich (2005) มิวนิค ปฏิบัติการความพิโรธของพระเจ้า

ดูหนัง Munich (2005) มิวนิค ปฏิบัติการความพิโรธของพระเจ้า เรื่องย่อ : หลังจาก Black September ลอบสังหารนักกีฬาอิสราเอลในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่มิวนิกเมื่อปี 2515 นายกรัฐมนตรีโกลดาเมียร์ตกลงปฏิบัติการลับเพื่อตามล่าและสังหารทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทีมห้าคนรวมตัวกันในสวิตเซอร์แลนด์นำโดย Avner ซึ่งเป็นนักเทคนิคระดับล่างของมอสสาดซึ่งพ่อของเขาเป็นวีรบุรุษในสงครามและภรรยาของเขากำลังตั้งครรภ์ เป็นทีมที่ใช้จ่ายได้ แต่ต้องอาศัยผู้ให้ข้อมูลที่จ่ายเงินพวกเขาติดตามและสังหารหลายคนในยุโรปและเลบานอน พวกเขาต้องมองข้าม CIA, KGB, PLO และแหล่งที่มาของตนเองอยู่เสมอ ในขณะที่ร่างกายนับวันเพิ่มขึ้น  ด้วยผลกรรมตามการแก้แค้น – คำถามข้อสงสัยและคืนนอนไม่หลับก็เช่นกัน ความภักดีพร่าเลือน การเป็นยิวหมายความว่าอย่างไร

หนังเล่าถึงเหตุสำคัญที่เคยเกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องการสัมมนากติกาในปี คริสต์ศักราช 1938ที่เมืองมิวนิค สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีนี เนื่องด้วยฮิตเลอร์ปรารถนาดินแดนนิดหน่อยของเชโกสโลวาเกีย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำหรับในการรบของเชโกสโลวาเกีย โดยฮิตเลอร์ทำสงคราม จะยกทัพบุกยึดดินแดนดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่ว่านายกของสหราชอาณาจักรในช่วงเวลานั้นหมายถึงเนวิล เชมเบอร์ลิน ไม่อยากที่จะให้กำเนิดการรบอีก เนื่องจากว่าเขาเคยผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 มาก่อน เขาทราบดีว่าการรบมีแต่ว่าโทษมากยิ่งกว่าผลในด้านดี เขาก็เลยคิดที่จะสนทนาตกลงกับฮิตเลอร์

จนกระทั่งกำเนิดเป็นความตกลงไม่วนิก Munich  ซึ่งเป็นการตกลงสำหรับเพื่อการชูดินแดนนิดหน่อยของเชโกสโลวาเกียให้กับท้องนาซีเยอรมัน เพื่อไม่ให้ฮิตเลอร์ก่อการรบ โดยในเรื่องจะเล่าผ่านมุมมองนักแสดง 2 ผู้แสดงสำคัญๆดังเช่นว่า ฮิวจ์ เลเอ็งท (เล่นบทโดย จอร์จ มักคาย) เลขาของนายก เนวิล เชมเบอร์ลิน ที่อังกฤษ แล้วก็ พอล ฟอน ฮาร์ทมันน์ (รับบทบาทโดย กระทั่งถึงนิส นีเวอเนอร์) นักการทูตเยอรมัน ทั้งยัง 2 เป็นเพื่อนกันยุคเรียนมหาวิทยาลัยที่ออกซ์ฟอร์ด

ภาพยนตร์ประเด็นนี้ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขมาจากนิยายเรื่อง Munich ที่เขียนโดย โรเบิร์ต แฮร์ริส โดยนักแสดงหลักทั้งคู่แบบอย่าง Hugh Legat รวมทั้ง Paul von Hartmann เป็นตัวละครที่คนเขียนฉบับนิยายอย่าง โรเบิร์ต แฮร์ริส ทำขึ้นมามิได้มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์อะไร แม้กระนั้นสถานะการณ์ต่างๆรวมทั้งผู้แสดงหัวหน้าของแต่ละประเทศ ล้วนเป็นบุคคลที่มีอยู่จริงในช่วงนั้นทั้งมวล จากนิยายสู่ภาพยนตร์ โดยจับตัวได้ คริสเตียน ชโม้โชว์ มานั่งแท่นดูแล และก็เขียนบทโดย เบน พาวเวอร์ นอกเหนือจากนี้ ภาพยนตร์หัวข้อนี้ยังยกพลดารามากมายความสามารถมารวมไว้ร่วมกัน

ทั้งยัง เจเรมี ไอเอินส์ ผู้ครอบครองรางวัลออสการ์สาขาผู้แสดงนำฝ่ายชายเยี่ยมที่สุด จากเรื่อง Reversal of Fortune (1990) และก็พึ่งส่งผลงานปัจจุบันใน House of Gucci ที่กำลังฉายอยู่ในโรงหนังบ้านพวกเรา ตามมาด้วย จอร์จ มักคาย ที่พึ่งพิงส่งผลงานเป็นทหารชายหนุ่มในสงครามโลกครั้งที่ 1 อย่าง 1917 (2019) รวมทั้ง จนกระทั่งนิส นีเวอเนอร์ ที่พึ่งพิงส่งผลงานกับผู้กำกับ คริสเตียน ชโม้โชว์ ในเรื่อง พวกเราเป็นคาร์ล (Je Suis Karl)

สำหรับในหัวข้อการแสดงของดาราในรูปภาพยนตร์หัวข้อนี้ ผมถูกใจอยู่ 3 คนเป็นจอร์จ มักคาย ที่รับบทบาทเป็น ฮิวจ์ เลเอ็งท แล้วก็ เจเรมี ไอเอินส์ เล่นบทเป็น นายก เนวิล เชมเบอร์ลิน รวมทั้ง กระทั่งถึงนิส นีเวอเนอร์ สวมบทเป็น ฟอน ฮาร์ทมันน์ โดยผู้แสดง ฮิวจ์ เลเอ็งท เป็นเลขาของนายกอังกฤษ นักแสดงนี้มีบุคลิกลักษณะนิ่งๆเฉยๆแม้กระนั้นเป็นคนฉลาดหลักแหลม และก็จำต้องรับแรงกดดันจากหลายๆซีนในเรื่อง ซึ่ง จอร์จ มักคาย ทำออกมาเจริญ เขาถ่ายทอดความรู้สึกของผู้แสดงออกมาจากสีหน้า ทำเอาพวกเราผู้ชมรู้สึกบีบคั้นไปด้วย

แม้กระนั้นยังมีเหนือกว่านั้น เป็นผู้แสดง ฟอน ฮาร์ทมันน์ นักการทูตเยอรมัน นักแสดงนี้มีนิสัยหัวรั้น ไม่อ้อมค้อม ไม่อะลุ้มอล่วย ซึ่งเขาดันบังเอิญไปได้บันทึกการสัมมนาลับของฮิตเลอร์ ในบันทึกมีเนื้อหาเกี่ยวกับเป้าหมายที่ฮิตเลอร์คิดจะก่อการทำศึกรวมทั้งล่าอาณานิคม เขาก็เลยต้องการจะไปเตือนฝั่งอังกฤษ ให้ช่วยเหลือกันกำจัดฮิตเลอร์ ด้วยเหตุว่าเขามีความรู้สึกว่าฮิตเลอร์เป็นคนวิปลาส รวมทั้งอันตราย (ซึ่งเขาก็คิดถูก) เพราะฉะนี้ ผู้แสดงนี้ก็เลยต้องหาทางเพื่อใกล้ แล้วก็ตีสนิทกับฮิตเลอร์ เพื่อล้วงความลับ ซึ่งมันอันตรายรวมทั้งเสี่ยงกว่าสิ่ง ฮิวจ์ เลมึงท พบเยอะแยะ

การเดินเรื่องทำออกมาได้ดิบได้ดี ไม่กินเวลา  Munich  เล่าไปเรื่อยกระชับลำพองใจความ ไม่มีฉากไหนที่แบบดูแล้วจะหลับเลย แต่ว่าขอเตือนว่าหนังมันจะการบ้านการเมืองขาๆหน่อย แม้กระนั้นถ้าหากผู้ใดถูกใจหรือทราบประวัติศาสตร์จะดูและบันเทิงใจเพลิดเพลินไปเลย การเดินเรื่องมีการเร้าอารมณ์ตามเหตุการณ์ต่างๆให้พวกเราผู้ชมได้มีความรู้สึกอินไปกับเรื่องราว แล้วก็เอาใจช่วยผู้แสดงให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไปได้ ยิ่งฉากบีบคั้นๆแต่ละฉาก ทำเอาผมลุ้นแทบจะหยุดหายใจ แบบจะรอดไหมวะๆมีความเป็นเหตุเป็นผล ไม่เกินจริง ส่วนในเรื่องของบทก็ทำเป็นดี มีประโยคดีๆมากมายอยู่

มีฉากหลายฉากที่บอกให้เห็นถึงช่วง ความนึกคิดผู้คนในช่วงนั้น ยิ่งเฉพาะฉากในเยอรมันยิ่งดีเลิศ อย่างซีนที่คนเยอรมัน มาล้อมคนยิว และก็บังคับให้เช็ดพื้น พูดจาเหยียดหยามซึ่งในหนังมันเป็นช่วงๆก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่กี่ปี ขณะนั้นคนเยอรมันก็เริ่มไม่ชอบคนยิวกันแล้ว แม้กระนั้นยังไม่ถึงขนาดฆ่าทิ้ง เสมือนมันบอกให้เห็นถึงจุดกำเนิดก่อนที่จะทุกสิ่งทุกอย่างจะเกินเลย รวมทั้งซีนย้อนอดีตไปในตอนตอนที่ฮิตเลอร์กำลังเริ่มมีชื่อ รวมทั้งเริ่มมีคนเยอรมันหลายชิ้นเชื่อในอุดมการณ์ของฮิตเลอร์ เป็นฉากที่ฮิวจ์ เลมึงท ทะเลาะเบาะแว้งกับ ฟอน ฮาร์ทมันน์ ในบาร์ที่เยอรมัน รวมทั้งผู้แสดง ฟอน ฮาร์ทมันน์ หันไปถามคนเยอรมันคนอื่นในบาร์ ว่าเชียร์ผู้ใดกันแน่ และก็ทุกคนกล่าวว่าเชียร์ฮิตเลอร์ บ่งบอกถึงเลยว่า ฮิตเลอร์ เก่งขนาดไหน

ชักนำคนได้จนกระทั่งเชื่อเขาหมดหัวใจ สรุปโดยรวมแล้ว ส่วนนี้ทำออกมาได้ดิบได้ดีเลยงานโปรดักชั่นของหัวข้อนี้ทำเป็นดี สมจริงสมจัง เสมือนอยู่ในสมัยนั้นจริงๆรูปร่างหน้าตาสไตล์การแต่งตัวทุกสิ่งทำเป็นดีหมด ยังคลุมเคลือเช่นกันว่าภาพยนตร์ประเด็นนี้ใช้งบประมาณการผลิตไปเท่าไร แม้กระนั้นทำออกมาเจริญ ตามมาตรฐานภาพยนตร์ฮอลลีวูด การตัดต่อก็ทำเป็นดี เข้าใจง่าย เรียบเรียงไทม์ไลน์ดี ไม่รู้สึกสับสน โดยรวมแล้วทำเป็นดีอย่างยิ่งจริงๆ บางทีก็อาจจะด้วยหัวข้อนี้มิได้เป็นหนังแอ็คชั่น เป็นแถวคิดแผน ลุ้นระทึกซะมากยิ่งกว่า ถ้าหากเอ่ยถึงงานโปรดักชั่นก็จำต้องเอ่ยถึงดนตรีประกอบภาพยนตร์ด้วย เกือบจะลืมเลย เสียงดนตรีต่างๆที่ใช้ประกอบฉาก ก็ทำเป็นดีแบบเดียวกัน

แม้กระนั้นมิได้ถึงกับดีเลิศ ฉากที่ลุ้นหรือบรรยากาศบีบคั้น เพลงที่ใช้ก็เลือกก้าวหน้า เป็นส่วนช่วยสำหรับเพื่อการเร้าอารมณ์ผู้ชม ให้อินไปกับนักแสดงแล้วก็เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ไปอย่างลื่นไหล โดยรวมแล้วจัดว่าดีนะครับในเรื่องงานโปรดักชั่น รูปร่างหน้าตาสไตล์การแต่งตัว เพลง รวมทั้งการตัดต่อ ส่วนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆที่ใช้เพลงประกอบฉากดีเยี่ยมและก็พึ่งฉายไปไม่นาน สำหรับผมก็ Dune รวมทั้ง No Time to Die สองหัวข้อนี้เพลงที่ใช้โคตรดีจังๆโดยสรุปแล้วภาพรวมของภาพยนตร์หัวข้อนี้ ถือว่าทำออกมาก้าวหน้าเลย ผมเอ็นหน้าจอย บันเทิงใจ และก็อินไปกับหนังหัวข้อนี้พอเหมาะพอควร ส่วนตัวผมถูกใจหนังแนวเล่า ประวัติศาสตร์ และก็ผลิตขึ้นมาจากความจริงมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ตัวอย่างหนัง

Munich (2005) Synopsis: After Black September assassinated Israeli athletes at the 1972 Munich Olympics, Prime Minister Golda Meir agreed to a covert operation to hunt down and Kill everyone involved. A five-person team assembled in Switzerland is led by Avner, a lower Mossad technician whose father is a war hero and whose wife is pregnant. It’s a expendable team. But relying on paid informants, they tracked down and killed many in Europe and Lebanon. They always have to look beyond the CIA, KGB, PLO and their own sources. As the body counts day by day With the retribution of revenge – so are questions, doubts and sleepless nights. blurred loyalty What does it mean to be a Jew?

The movie tells about important events that have actually happened in history. It was a seminar in the year 1938 in Munich. Federal Republic of Germany Because Hitler wanted a little territory of Czechoslovakia. which was a strategic point for the Battle of Czechoslovakia by Hitler at war will raise an army to invade and seize the territory mentioned above But the Prime Minister of the United Kingdom at the time meant that Neville Chamberlain did not want to provoke another war. As a veteran of World War I, he knew that fighting would do more harm than good. So he decided to negotiate with Hitler.

Until the birth was a non-Wannik agreement. which was an agreement to surrender parts of Czechoslovakia to Nazi Germany. to prevent Hitler from fighting The story will be told through the eyes of two key actors, such as Hugh Leent (played by George Mackay), secretary to Prime Minister Neville Chamberlin in England, and Paul von. Hartmann (played by Nis Nievener), a German diplomat, and the two were friends while attending university in Oxford.

The film is an adaptation of the novel Munich by Robert Harris, with both main actors Hugh Legat and Paul von Hartmann portraying novelist Robert Hae. What did Harris do that didn’t really exist in history? However, various situations and leading actors of each country. All were people who actually existed during that time. From the novel to the movie by being caught by Christian Choo Show to sit on the podium to take care of and was written by Ben Powers. This movie also brings together many talented actors.

Also Jeremy Irons, who won the Academy Award for Best Actor for Reversal of Fortune (1990) and has just released his latest work in House of Gucci, which is currently showing in home theaters. We were followed by George Mackay, who had just been working as a young male soldier in World War I in 1917 (2019), including Nis Nivener, who had just been working with director Christian Choo. Show in We Are Karl (Je Suis Karl)

For the topic of star performances in movies, I like 3 people, George Makkai, who plays Hugh Leont, and Jeremy Irons, who plays Prime Minister Neville Che. Berlin, including even Nies Nievener, portrayed as von Hartmann, with Hugh Leentt as the British Prime Minister’s secretary. This actor has a calm yet intelligent personality. And had to be pressured by many scenes in the story, which George Makkai made out prosperously, he conveyed the feelings of the actors from the expressions. It made us viewers feel the pressure as well.

But beyond that, it is represented by von Hartmann, a German diplomat. This actor has a stubborn, uncompromising character, not compromising. which he accidentally recorded a secret meeting of Hitler The memo contains information about Hitler’s goals for war and colonization. So he wanted to warn the British side. Let’s help each other get rid of Hitler. because he thought Hitler was a lunatic including danger (Which he was right), so this actor has to find a way to be close. and befriend Hitler to reveal secrets Which is more dangerous and risky than what Hugh Lemuet found a lot.

The narrative is well done and does not take up much time. There isn’t any scene where you’ll fall asleep after watching it. But let me warn you that the movie will be a bit political. But if anyone likes or knows the history will watch and enjoy. The narrative has emotional action according to various events for us viewers to feel immersed in the story. and help the performer escape from various events that have happened The more squeezed scenes, each scene. It made me so excited that I almost stopped breathing. Is it going to survive? There is a reason, not exaggerated. As for the story of the script, it is well done. There are many good sentences.

There are many scenes that show the period. the thoughts of the people at that time Especially the German scenes are even better. Like the scene where the Germans surrounded the Jews and forced them to wipe the floor. Insulting, which in the movie is a few years before World War 2. At that time, the Germans began to dislike Jews. but not to the point of killing them. As if it shows the origin before everything else is over. Including a flashback scene when Hitler was starting to get famous. Including many pieces of German people who believe in Hitler’s ideology. It was the scene where Hugh Lemuet had an argument with von Hartmann in a bar in Germany. Including the actor von Hartmann turned to ask other Germans in the bar. Who exactly are you cheering for? And everyone said they were cheering for Hitler. It shows how powerful Hitler was.

moviehd3